บทบาทชัดเจน ครอบครัวมั่นคง
เมื่อครอบครัวและธุรกิจมีการเติบโตและขยายตัวไปตามกาลเวลา จำนวนสมาชิกที่มีเพิ่มขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น การกำหนดบทบาท หน้าที่ของสมาชิกให้มีความชัดเจนจะเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง มีการกำหนดผลประโยชน์และผลตอบแทนที่เป็นธรรม เกิดความยุติธรรม รักใคร่ปรองดอง และทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างราบรื่นในอนาคต
โดยทั่วไปแล้ว ภายใต้หลักการจัดทำธรรมนูญครอบครัว เรามักจะจัดแบ่งสมาชิกครอบครัวออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ตามบทบาทหน้าที่ในธุรกิจครอบครัว และการถือครองหุ้นดังนี้
1. สมาชิกที่ทำงานในธุรกิจครอบครัว และมีความเป็นเจ้าของโดยการถือหุ้นของธุรกิจครอบครัว
สมาชิกกลุ่มนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญที่สุดในธุรกิจครอบครัว เนื่องจากมีบทบาททั้งในแง่ของการถือครองหุ้น และความรับผิดชอบในธุรกิจของครอบครัว สมาชิกในกลุ่มนี้มีตั้งแต่ ผู้ก่อตั้ง ลงมาถึงทายาทที่ได้รับโอนหุ้นมาเรียบร้อยแล้ว โดยที่ทายาทอาจจะมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร หรือแค่พนักงานธรรมดาก็ได้ ซึ่งสมาชิกกลุ่มนี้สามารถจัดแบ่งซอยลงมาได้อีกตามบทบาทในธุรกิจครอบครัวคือ
1.1. สมาชิกที่มีตำแหน่งรับผิดชอบบริหารงานธุรกิจโดยตรง (Operating Owner) ตั้งแต่ CEO ลงไป ทำหน้าที่วางแผน ตัดสินใจ สั่งการ กำหนดกลยุทธ์ มีส่วนได้ส่วนเสียกับรายได้ ผลกำไรของธุรกิจ โดยผลตอบแทนที่สมาชิกกลุ่มนี้ได้รับ นอกจาก เงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้นแล้ว ยังได้จากธุรกิจคือ เงินเดือนในตำแหน่งนั้นๆ เงินโบนัส ผลตอบแทนอื่นๆ เช่น รถประจำตำแหน่ง เงินรางวัลต่างๆ ตามแต่ครอบครัวจะตกลงกัน
1.2. สมาชิกที่มองภาพรวมธุรกิจ หรือเป็นที่ปรึกษาเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ แต่ไม่มีส่วนในการสั่งการ (Governing Owner) สมาชิกกลุ่มนี้อาจเป็นผู้อาวุโสที่ผ่านการทำงานมาพอสมควร หรือสมาชิกที่เกษียณอายุทำงาน และเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสมาชิกกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะได้รับแต่งตั้งให้นั่งอยู่ในคณะกรรมการธุรกิจ โดยมีผลตอบแทนที่ได้คือ เงินปันผล และได้เงินเดือนหรือเบี้ยประชุมบอร์ดธุรกิจ
สมาชิกที่มีความเป็นเจ้าของโดยการถือหุ้นและมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจถือว่าเป็นสมาชิกที่มีความสำคัญมากที่สุดเพราะผลประโยชน์ที่ได้จากธุรกิจครอบครัวนี้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้สมาชิกครอบครัวทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีชีวิตได้อย่างสุขสบายดังนั้นบทบาทหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบชีวิตสมาชิกทุกคนจึงมีความสำคัญตามไปด้วยครอบครัวมักแต่งตั้งให้สมาชิกกลุ่มนี้เข้าเป็นกรรมการในสภาครอบครัวเพื่อเป็นศุนย์กลางการขับเคลื่อนครอบครัวให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ
บทบาทหน้าที่ที่สำคัญคือเป็นศูนย์รวม และประสานสมาชิกทั้งหมดให้มารวมกัน เพื่อสร้างกิจกรรมสร้างความสามัคคี รักใคร่ปรองดองกัน สมาชิกจะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ระยะยาว ทิศทางธุรกิจว่ากำลังเดินไปในทางทิศทางไหนเพื่อทุกคนจะได้มีความเข้าใจ และเดินไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมสร้างแรงผลักดันหรือสานต่อค่านิยมครอบครัว และธุรกิจครอบครัวให้ปฏิบัติได้จริงตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง และแน่นอนจะต้องรักษาความลับของธุรกิจ ไม่เผยแพร่ข้อมูลความลับสู่ภายนอก
2. กลุ่มสมาชิกที่ทำงานในธุรกิจครอบครัว แต่ยังไม่ได้ถือหุ้น
สมาชิกกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มทายาทที่เพิ่งจบการศึกษา หรือเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในธุรกิจ โดยผู้เป็นพ่อ แม่ ยังไม่ได้โอนหุ้นให้ สมาชิกกลุ่มนี้แน่นอนย่อมมีสิทธิ์พิเศษเหนือกว่าพนักงานทั่วไปตั้งแต่การเข้ามาทำงานโดยไม่ผ่านการคัดเลือกใดๆ ถ้าครอบครัวมีกฎระเบียบให้สมาชิกที่เพิ่งจบใหม่ไปทำงานข้างนอกเพื่อหาประสบการณ์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งทางบ้านเพื่อสมาชิกจะได้ใช้ความสามารถพัฒนาด้วยตัวเอง และเมื่อกลับเข้ามาทำในธุรกิจครอบครัว ก็สามารถใช้ประสบการณ์นั้นมาเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งต่อไปโดยไม่เป็นที่ครหาของพนักงานทั่วไป บางครอบครัวมีการกำหนดว่า ถ้าสมาชิกคนใดไปสร้างชื่อเสียงภายนอกได้ จะได้รับคำยกย่องจากครอบครัว ครอบครัวใหญ่ในเมื่องไทยมักจะให้ลูกๆ อยู่ในธุรกิจที่มีความท้าทายมากกว่าธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จแล้ว
บทบาทหน้าที่ที่สำคัญและพึงระลึกไว้เสมอคือ เมื่อเข้ามาทำงานในธุรกิจสมาชิกต้องไม่ทำตัวอยู่เหนือพนักงานในตำแหน่งหน้าที่การงานเดียวกัน มากกว่านั้นต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างแก่พนักงาน และอยู่ในกฎระเบียบข้อบังคับโดยเคร่งครัด การทำงานจะต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ ต้องทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของที่ต้องคอยดูแลให้ธุรกิจมีการพัฒนา และสามารถแข่งขันได้เพื่อเป็นรากฐานของความมั่งคั่งต่อไปในอนาคต
3. กลุ่มสมาชิกที่ถือหุ้นในธุรกิจครอบครัวอย่างเดียว ไม่มีบทบาทในการบริหารธุรกิจโดยตรง
กลุ่มนี้ส่วนมากจะเกิดขึ้นในครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายคนมีอิสระในการตัดสินใจว่า จะเข้ามาทำงานหรือไม่ หรือไม่ใช่ทุกคนจะต้องเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัวเสมอไปเพราะอาจไม่ได้สนใจในธุรกิจครอบครัว เรียนมาไม่ตรงกับธุรกิจ สมาชิกกลุ่มนี้จึงค่อยๆ โตขึ้นๆ หุ้นที่ได้รับการส่งต่อจากพ่อ แม่ลงมาก็จะเริ่มมีจำนวนสมาชิกที่ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้น เราสามารถแยกประเภทสมาชิกในกลุ่มนี้ออกมาได้อีก เพราะแต่ละคนก็มีทัศนคติต่อความเป็นเจ้าของที่แตกต่างกันออกไป
3.1 สมาชิกที่ถือหุ้น และให้ความสนใจในธุรกิจครอบครัว มีการติดตามผลการดำเนินงานคอยเสนอแนะ หรือแนะนำสิ่งต่างๆ ให้กลุ่มที่ทำงานด้วย แต่บางครอบครัวสมาชิกกลุ่มนี้จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมากไป ก็อาจนำความไม่พอใจมาสู่สมาชิกที่ทำงานด้วย และอาจถูกมองว่าเข้ามาก้าวก่ายก็เป็นได้ มีบางครอบครัวแสดงอาการหงุดหงิดเมื่อสมาชิกที่ไม่ได้ทำงานแต่คอยวิจารณ์การทำงานของสมาชิกที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่ในทางกลับกันอีกครอบครัวสมาชิกที่มีประสบการณ์ที่ทำงานอยู่ข้างนอก มีความสามารถมากก็สามารถให้ความเห็น แนะนำแนวทางและกลยุทธ์ให้กลุ่มที่ทำงานได้เป็นอย่างดี
3.2 สมาชิกที่ถือหุ้น แต่ไม่สนใจในธุรกิจครอบครัว แต่มีความภาคภูมิใจในธุรกิจที่บรรพบุรุษได้สร้างขึ้นมา สมาชิกกลุ่มนี้อาจเคยทำงานในธุรกิจครอบครัวมาก่อน และได้ลาออกมาแล้ว แต่ก็ยังคอยติดตามอยู่ห่างๆ มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จ กลุ่มนี้เมื่อมีหุ้นอยู่ก็จะเก็บรักษาหุ้นนั้นไว้รอวันที่จะส่งต่อให้ลูกหลานต่อไปในอนาคต
3.3 สมาชิกที่ถือหุ้น และเป็นนักลงทุน สิ่งที่เค้าสนใจจะเป็นเรื่องของการลงทุนในกิจการต่างๆ ตัวเองอาจไม่เคยทำงานในธุรกิจครอบครัว แต่ได้หุ้นจากพ่อ แม่ที่โอนหุ้นลงมาตามสายครอบครัว ทำให้ตัวเองมีสถานะของความเป็นเจ้าของไปในตัว สมาชิกนักลงทุนมักจะหาโอกาสลงทุนเพิ่ม ถ้าธุรกิจมีการเจริญเติบโตก็พยายามหาซื้อหุ้นจากสมาชิกท่านอื่นเข้ามาเพิ่มมากขึ้น หรือถ้าธุรกิจเป็นขาลงไม่อยู่ในกระแส ก็อาจไม่เก็บหุ้นแล้วและหาทางขายออกไปในที่สุด ถ้าไม่มีข้อตกลงเรื่องการห้ามขายหุ้นสู่บุคคลภายนอก หุ้นก็มีสิทธิกระจายออกไปสู่คนภายนอกได้
เมื่อเราเห็นความเป็นเจ้าของหรือสมาชิกที่ถือหุ้นมีมุมมองและทัศนคติของธุรกิจครอบครัวที่ต่างกันดังนั้นการกำหนดบทบาทหน้าที่และการทำข้อตกลงเรื่องการบริหารจัดการหุ้นในอนาคตให้มีความรัดกุมชัดเจนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นการปลูกฝังให้สมาชิกครอบครัวทุกคนสำนึกเสมอว่าตนเองถือหุ้นในธุรกิจครอบครัวเพื่อจะส่งต่อให้รุ่นต่อไปมิได้เป็นของคนใดคนหนึ่งและการทำสัญญาผู้ถือหุ้นให้รัดกุมห้ามทำการขายหุ้นธุรกิจครอบครัวสู่บุคคลภายนอกตลอดจนการทำสัญญาก่อนสมรส (Prenuptial Agreements) เพื่อป้องกันกรณีพิพาทเมื่อเกิดมีการแยกทางกันและหุ้นนั้นตกไปสู่มือของคู่ชีวิตที่กลายเป็นคนนอกไปแล้ว เป็นต้น
4. สมาชิกครอบครัวที่ไม่ได้ทำงานในธุรกิจครอบครัว และไม่ได้ถือหุ้น
สมาชิกที่เป็นลูกหลาน อาจกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาต่างๆ สมาชิกที่แยกตัวเองออกจากครอบครัว หรือแต่งงานแล้วแยกตัวเองออกไปสร้างครอบครัวใหม่ ส่วนสมาชิกที่ไม่ใช่สายเลือดที่นับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั่นคือ กลุ่มเขย และสะใภ้ ซึ่งกลุ่มนี้มาจากหลายครอบครัวมักจะมักจะเกิดการกระทบกระทั่งได้ตลอดเวลาเนื่องจากต่างคนต่างมาจากต่างครอบครัว การกำหนดบทบาทหน้าที่ของกลุ่มนี้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันกับสมาชิกกลุ่มอื่นๆ สมาชิกกลุ่มที่เป็นลูกหลานแน่นอนในอนาคตจะรับช่วงต่อธุรกิจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ต่อไปจะได้รับการโอนหุ้นจากพ่อ แม่ จะได้รับข้อเสนอเข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว จะได้รับเงินสวัสดิการในประเภทต่างๆ ที่ทางครอบครัวมีการตกลงกัน หรือแม้แต่มีสิทธิ์ในการกู้เงินจากเงินกองทุนครอบครัวเพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจส่วนตัวก็เป็นได้
สมาชิกกลุ่มนี้จะต้องศึกษา และปฏิบัติตามธรรมนูญครอบครัว (ถ้ามีการจัดทำแล้ว) โดยอยู่ภายใต้ธรรมนูญครอบครัวเดียวกัน หรือภายใต้ภายใต้กฎระเบียบของครอบครัว สมาชิกต้องไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลได้รับความเสียหาย จะต้องเคารพต่อผู้อาวุโส และดูแลเลี้ยงดูบุพการี บางครอบครัวจะให้นับเรื่องความเป็นอาวุโสมากกว่านับตามศักดิ์ ครอบครัวใหญ่ๆ บางที่ผู้เป็นอา อายุน้องกว่าผู้เป็นหลานก็มี กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญพอสมควรเพราะถือเป็นอนาคตของธุรกิจ ของลูกหลานที่จะปลูกฝังหรือกำหนดอนาคตว่าเค้าจะเติบโตขึ้นในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการหรือไม่ หลายครอบครัวกำหนดให้ลูกหลานควรจะเข้ามาฝึกงาน มาเรียนรู้งานในธุรกิจในช่วงปิดเทอม หรือใช้เวลาว่างมาทำงาน Part time เป็นต้น
โดย นิรัต กาญจนาคพันธุ์
Nirat@firmfamilybusiness.com
บริษัท เฟิร์ม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจครอบครัวและที่ปรึกษาจัดทำธรรมนูญครอบครัว